Wednesday, March 31, 2010

ใครที่อายุ 30 แล้วยังรู้สึกว่า ชีวิตการทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันบ้างคะ

เรา คนนึงค่ะ ปัจจุบันอายุ 31 ปัจจุบันยังเป็น contract อยู่


เงินเก็บ แค่หลักหมื่น รถบ้าน ยังไม่มี

จบsafety มา แต่เราไม่ชอบค่ะ และเราเคยประสบอุบัติเหตุมา ใส่รองเท้า safety เดินหน้างานไม่ค่อยสะดวก ปัจจุบัน ผันตัวเองมาทำงานด้าน

admin เน้นนั่งทำงานออฟฟิศ ทำงาน admin มา 5 ปี

เห็นเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน จบมาได้เงินเดือนสูง

มีรถขับ แล้วมองตัวเอง มันช่างแตกต่าง เงินเดือนไม่สูง จบมาเป็นหนี้รัฐบาลประมาณ 200000 จริงๆตอนที่เราเลือกคณะเราเห็นว่าเป็นสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์เราคิดว่ามาด้านสุขภาพ ประมาณคุณหมออนามัย

เนื่องจากเราเคยรักษาตัวในร.พ. นานเป็นเดือน เลยอยากมาทำด้านนี้

รักษาคนอื่น แต่พอมาเรียนแล้วมันไม่ใช่เราเลย ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา

ก็บอกว่าเรียนให้จบเหอะ ไม่จำเป็นต้องเป็น จป.ก็ได้ ก็เรียนจนจบ

ทุกวันนี้คิดแล้วคิดอีกค่ะ มาอยู่ กทม. 5 ปีแล้ว เงินเก็บไม่มี กำลังตัดสินใจ กลับบ้านที่ ตจว.

แต่ก็กังวลกลัวกลับไปไม่รู้จะทำงานอะไรดี กลัวตกงาน แต่ถ้าจะอยู่ต่อก็คิดว่าชีวิตคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไปเรื่อยๆ กลับไปอยู่ใกล้พ่อแม่พี่น้อง ดีกว่า คุยกะหัวหน้าแล้ว หัวหน้าบอกว่า ให้อยู่ถึงสิ้นปีได้มั้ย แต่เราตัดสินใจว่า

จะกลับแล้ว ยืดมาหลายครั้งก็เหมือนเดิม บริษัทไม่มีนโยบายบรรจุ พนง. contract เราคิดว่าก่อนที่อายุจะมากไปกว่านี้ ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่กทม .ก็ไปตั้งหลักที่ ตจว.ดีว่า ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะดีขึ้นหรือแย่ลง

มีใครทำงานไม่ตรงสายแบบเราบ้างมั้ยคะ แล้วใครบ้างที่รู้สึกชีวิต ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วมีแนวคิดยังไง แชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ สับสนมาก

จากคุณ : meaning_me

...

มีเพื่อนเราเยอะแยะเลยค่ะ ที่ตอนเรียนจบ แรกๆทำงานในกรุงเทพ


แต่พอทำไปซักพัก เริ่มอยากกลับบ้านซะแล้ว (แตกต่างจากเรา เรียนจบปุ๊ป หางานใกล้บ้านก่อนเลย)

ลองไตร่ตรองดูว่าความสุขของคุณคืออะไร แล้วทำตามนั้นเลยค่ะ

ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อย่ารีรอที่จะเริ่มใหม่ เพราะคำว่า กลัว

สำหรับเรา สาเหตุที่หางาน ตจว ทำ เพราะเป้าหมายการทำงานของเราอยู่ที่ว่า

งานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา เรามีความสุขที่ได้ทำงานใกล้บ้าน ได้ดูแลเจอหน้าพ่อแม่ญาติพี่น้อง

เพื่อนเราทำงาน กทม เงินเดือนเป็นแสนแล้วตอนนี้

แต่เราก็ไม่เคยคิดน้อยใจหรือเปรียบเทียบเลยค่ะ เพราะเป้าหมายของเราแตกต่างจากเพื่อนมาก

ทุกวันนี้ เป็นผู้จัดการในบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ใน ตจว

เงินเดือนอาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราเรียนมา และที่เพื่อนๆเราได้รับ

แต่เราก็พอใจในสิ่งนี้ค่ะ มีความสุขที่ได้ทำงานทุกวัน เพราะนี่คือสิ่งที่เราตั้งใจเลือกเอง

จากคุณ : wanvisa

...

ผมอยากจะบอกคุณเหลือเกินว่า ...


ปัจจุบันผม 33 ย่าง 34 ผมไม่มีอะไรเลยในปัจจุบัน บ้าน ? รถ ? ครอบครัว ? ญาติพี่น้อง ? คนรัก ? เพื่อนสนิทมิตรสหาย ?

ด้วยความสัตย์จริง ครับ ?

ขออย่าท้อ ไม่ว่าวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน จงยิ้มเข้าไว้...เพราะพรุ่งนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า ?

ผมผ่านการนอนเล่นที่สนามหลวงเป็นอาทิตย์มาแล้ว เข้าใจความรู้สึกที่ต่ำสุดดีเป็นอย่างยิ่งครับ สู้เค้านะครับ แย่กว่าเรามีอีกมากมายครับ

จากคุณ : พระรามล่องหน

...

Monday, March 29, 2010

อายุ 30 ปีกับชีวิตที่ติดลบ

มีใครเป็นลักษณะคล้ายๆผม บ้างครับ คือว่าอายุจะ 30 ปีแล้ว ยังมีหนี้สินอยู่เลย ครึ่งล้านได้ ตอนนี้ทำงานได้เงินประมาณเดือนละ 3 หมื่นบาท เหลือเก็บแล้วนะครับ แต่ไม่ค่อยอยากทำแล้ว เพราะว่าอยากออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ทำเกี่ยวกับส่งออก แต่ผมไม่มีเิงินเก็บ บ้าน รถก็ไม่มี ตอนนี้เหมือนอยากออกไปจากจุดนี้มาก ผมอยู่ต่างประเทศ อยากกลับเมืองไทย ถ้ากลับเมืองไทย บริษัทเก่าที่เคยทำงานเคยทำงานอยู่เขาก็จะรับผมเข้าทำงานอีก อยู่ที่ผมว่าจะทำหรือไม่ แต่ผมก็ลองย้อนกลับไป ทำไมผมถึงอยากลาออก ณ ขณะนั้น กลับไปเจอบรรยากาศเดิมๆ ผมอยากคิดและทำในสิ่งที่ผมอยากทำ อยากตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง


อยู่ที่ต่างประเทศ ค่อนข้างเหงา ความคิดในแต่ละวัน ไม่เหมือนกันเลย เวลาที่ผมท้อ ก็จะหากำลังจากกระทู้ในพันทิพย์ ดูคนที่เขาสู้กว่าเราทั้งๆที่โอกาสเขามีน้อยกว่าเรา บางทีมันก็มีหลุดๆบ้าง เหมือนฟุ้งซ่าน ก็ต้องกลับมาอ่านใหม่ เป็นอยู่บ่อยๆ

อยากเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่ด้านความคิดและการกระทำเลย ขอบคุณทุกคำแนะนำก่อนล่วงหน้านะครับ หรือใครมีประสบการณ์ก็มาแชร์กันได้นะครับ

จากคุณ : ไร้อิสระ

...

หนี้สินทุกชนิด ล้วนเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองทั้งนั้น อาจจะทั้งจากชาตินี้ หรือจากชาติที่แล้ว ดังนั้น ไม่มีทางเลี่ยงได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเอง

ส่วนคุณจะเปลี่ยนอะไรในชีวิตคุณได้บ้างนั้น มันไม่ง่ายหรอกครับ มันต้องเปลี่ยนออกมาจากข้างใน จากความเข้าใจ จากตัวตน ไม่ใช่เปลี่ยนจากความอยาก อยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากเป็น อยากหลุดพ้น ความอยากเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้คุณเปลี่ยนตัวเองได้

สิ่งที่ยั่งยืนคือคุณต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ชีวิตที่คุณเป็นอยู่ แบบที่คุณเป็น ไม่ใช่สิ่งที่คุณปราถนา แล้วจึงเปลี่ยนมัน เป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น

แต่เท่านั้นก็ยังไม่พอ เข้าใจตัวเองอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องเข้าใจสิ่งแวดล้อม เข้าใจสถานการณ์ ความจำเป็น เข้าใจและยอมรับมัน

ดังนั้น ถ้าคุณจะเปลี่ยน คุณก็ต้องเปลี่ยนภายใต้เงื่อนไขจำกัด ... มันไม่ได้เปลี่ยนได้ชั่วข้ามคืนแน่นอน

จากคุณ : jaminonez

...

ที่มา
 
Copyright 2009 Consciousness